วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

เทคนิคช่วยให้ลูกตั้งใจเรียนที่โรงเรียน By นพ.อิทธิฤทธิ์

สืบเนื่องจากบทความเมื่อวานของหมอสาริณี ผมเห็นด้วยที่สุดกับการตั้งใจเรียนในห้องเรียน
ผมเคยทำพลาดมาหลายๆครั้ง ไม่ตั้งใจเรียนในห้อง แล้วคิดแต่ว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปอ่านเองก็ได้ ผมต้องใช้คำนี้ว่า โง่ชะมัดจริงๆ
แล้วทำไมผมถึงไม่ตั้งใจเรียนในห้องล่ะ?

ส่วนตัวผมมีเหตุผลคือ
- ง่วงนอน ปกติผมเป็นคนนอนเยอะ ถ้านอนน้อยมักจะเกิดปัญหา ทำให้เวลาเรียนไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่
- สมาธิน้อย ชอบเล่นซะมาก บางครั้งพาลไปชวนเพื่อนข้างๆเล่นด้วย
- ไม่มีเป้าหมายในการเรียน ไม่รู้ว่าวิชานี้หรือบทนี้ เรียนแล้วจะได้อะไร
ผมมีตัวอย่างจริงของเพื่อนที่เรียนหมอรุ่นเดียวกัน ว่าการตั้งใจเรียนในห้องมันดีขนาดไหน
เพื่อนคนนี้ชื่อเจ เด็กสวนกุหลาบ
เจ นอกจากหน้าตาเหมือนพระเอกหล่อๆหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว วิธีการเรียนก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน
ตอนเรียนปี 1 ที่ศาลายา วิชาที่พวกเรากลัวมากคือ เคมีอินทรีย์ (Organic chemistry) เนื่องจากเป็นวิชาใหม่ ไม่เคยเรียนตอนมัธยม แถมมีรายละเอียดที่ยิบย่อยเต็มไปหมด
วิธีการเรียนของเจไม่เหมือนใครเลย เจจะเข้าห้องเลคเชอร์โดยไม่มีปากกาหรือสมุดจด ผมถามเขาว่า ไม่จดแล้วจะจำได้เหรอ? เจตอบว่า ถ้าเป็นเรื่องใหม่ๆ ต้องใช้สมาธิ การจดทำให้เสียสมาธิ
เจตั้งใจเรียนมาก ตั้งใจไม่มีวอกแวกเลยจริงๆ
ผลสอบ เจติดอันดับ Top 10 ของการตัดคะแนน 3 คณะแพทย์ คือ ศิริราช รามา และวชิระ นักศึกษาแพทย์ 400 คนเลยนะครับ
ยังไม่จบเท่านั้น เมื่อขึ้นปี 2 ปี 3 เจก็ใช้วิธีทำนองนี้ เข้าห้องเลคเชอร์ตัวเปล่า พกปากกาแท่งเดียวเอาไว้หมุนเล่น และสอบออกมาคะแนนรอง Top ทุกวิชา
นี่เป็นประสบการณ์ตรงที่ผมเห็นผลดี จากการตั้งใจเรียนในห้องมากๆ
เพื่อนผมอีกคนหนึ่งเคยมาบ่นๆให้ฟัง บอกว่า “วู้ดดี้ เราไม่เข้าใจเลย อยู่หอเดียวกับเจ ไปเล่นเกมตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยด้วยกัน นอนฟังเพลงด้วยกัน อ่านหนังสือก็เวลาเท่าๆกัน ทำไมคะแนนเราอยู่ก้นเหว?”
คุณน่าจะรู้คำตอบแล้วนะครับ เพราะเพื่อนผมตั้งใจเรียนในห้องมาก
ส่วนคนที่บ่น ทำแต่กิจกรรม แทบไม่ได้เข้าชั้นเรียนเลยครับ
****
คำแนะนำในการช่วยให้ลูกตั้งใจเรียนในห้อง
1.นอนให้พอ เด็กนักเรียนเกือบทั้งหมดนอนไม่พอ ชั้นประถมควรนอนให้ได้ 9.5 – 10 ชั่วโมง ชั้น ม.ต้น 8.5 - 9 ชม. ม.ปลายไม่ควรต่ำกว่า 7.5 ชม แนะนำการนอนรวดที่ 8 ชม.
นอนไม่พอ กลางวันก็ง่วง พอง่วงก็เล่นหรือไม่ก็หลับ แล้วมันก็จะวนเวียนไปแบบนี้เรื่อยๆ ลูกเลยไม่เก่งซะที
ลูกคนโตเล่าให้ฟังว่า ที่โรงเรียนมีเพื่อนหลับช่วงบ่ายทุกวัน สลับๆกันไป ส่วนลูกผมไม่เคยหลับ แต่มีบ้างที่บางวันง่วง นี่ขนาดหลับรวดเกือบๆ 10 ชม.ทุกวันนะครับ
2.ช่วยเหลือเรื่องการบ้านและแบบฝึกหัด
เด็กที่เรียนไม่ดีเท่าไหร่ จะยิ่งไม่ชอบการเรียนที่โรงเรียน ดังนั้นต้องประกบลูกทำการบ้านตั้งแต่ชั้นประถม ถ้าบ้านไหนถึงลูกอยู่ชั้นมัธยมแล้ว แต่เรียนไม่ค่อยดี คงต้องลงมาช่วยกำกับการใช้เวลาของลูกด้วย
3.เลิกเล่นเกม
คนที่เล่นเกม สมองมันคิดทั้งวันว่า เดี๋ยวกลับบ้าน จะต้องทำนั่นสร้างนี่ พูดง่ายๆคือ คิดแผนเด็ดๆมาทั้งวัน เพื่อจะได้พิชิตเกมที่กำลังเล่นอยู่ หรือพิชิตพวกเพื่อนที่เล่นด้วยกันให้จงได้
อยากให้ลูกตั้งใจเรียน เอาเกมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เกมที่ต่อทีวีออกจากบ้านทันทีครับ
3.ช่วยลูกให้มีเป้าหมาย
เด็กที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน จะทำอะไรไปด้วยความเลื่อนลอย หายใจทิ้งไปวันๆ
4.เรียนพิเศษให้น้อยที่สุด หรือไม่เรียนเลย
วงจรที่น่ากลัวคือ เด็กที่เรียนพิเศษมาแล้วมักจะคิดว่า ฉันรู้แล้ว เลยทำให้เกิดความประมาทอย่างมาก คิดว่าฉันแน่แล้ว เลยคุยกับเพื่อน แอบอ่านการ์ตูน หรือคอยแต่โอ้อวดจนไม่ได้ฟังครูสอน
ตั้งหลักใหม่นะครับ การเรียนพิเศษไม่ได้แก้ปัญหาการไม่ตั้งใจเรียนในห้องครับ
5.อย่าเริ่มต้นวันด้วยอารมณ์แย่ๆ และพลังงานทางลบ
เช้าๆอดใจไม่ดุว่าลูกครับ อะไรที่ทำได้ให้ช่วยไปเลย เช่น ถ้าลูกเล็กไม่ค่อยอยากอาบน้ำ ก็ช่วยลูกอาบ ลูกแต่งตัวช้า ก็ช่วยไปเลย การช่วยแบบนี้ไม่ได้ทำให้เคยตัวครับ เพราะเป็นการช่วยเพียงครั้งคราวเท่านั้น
หยุดบ่น หยุดดุกันตอนเช้า ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ลูกพกอารมณ์บูดไปโรงเรียน ทำให้ไม่ค่อยอยากเรียนเท่าที่ควร
พวกข่าวทั้งทางทีวีและวิทยุ ไม่ต้องเปิด ไม่ต้องฟัง และไม่ต้องดู จำไว้ว่า “ข่าวดีต้องจ่าย ข่าวร้ายลงฟรี” ตัดพลังงานทางลบออกจากชีวิตซะ ข่าวเกือบทั้งหมด แทบไม่มีอะไรที่ยกระดับชีวิตได้
ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราๆท่านๆ ต้องการรู้ข่าว ขอให้เป็นเวลาอื่นที่ไม่ใช่ตอนเช้า ตอนที่ลูกอยู่ด้วยครับ
*****
พ่อแม่ที่รักลูกจริงๆ ต้องช่วยฝึกลูกให้มีอุปนิสัยที่ดี คือ ตั้งใจเรียนในห้องเรียนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น